ผู้เขียน: Admin2

ชีวาส รีกัล เปิดตัว Chivas Regal Crystalgold สก็อตช์วิสกี้ระดับพรีเมียมนวัตกรรมใหม่ อย่างเป็นทางการ โดยมี ชาร์ลส์ เลอแคลร์ (Charles Leclerc) นักแข่งรถฟอร์มูลาวันชื่อดัง และ Global Brand Ambassador ร่วมสร้างสีสันก่อนการแข่งขันสิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์

ชีวาส รีกัล เปิดตัว Chivas Regal Crystalgold สก็อตช์วิสกี้ระดับพรีเมียมนวัตกรรมใหม่ อย่างเป็นทางการ โดยมี ชาร์ลส์ เลอแคลร์ (Charles Leclerc) นักแข่งรถฟอร์มูลาวันชื่อดัง และ Global Brand Ambassador ร่วมสร้างสีสันก่อนการแข่งขันสิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์

0 0
Read Time:6 Minute, 6 Second

กรุงเทพฯ, 1 ตุลาคม 2568 – ชีวาส รีกัล (Chivas Regal) แบรนด์วิสกี้สก็อตช์ระดับพรีเมียมจาก สกอตแลนด์ ประกาศการเปิดตัว “Chivas Regal Crystalgold” สก็อตช์วิสกี้ใสดุจคริสตัล นวัตกรรมระดับโลกใหม่ล่าสุด ที่พร้อมพลิกโฉมและท้าทายทุกสิ่งที่คุณเคยรู้จักในตระกูลวิสกี้ชื่อก้องโลกเป็นครั้งแรก

Chivas Regal Crystalgold รังสรรค์ขึ้นจากการผสมผสานสูตรเฉพาะของชีวาส รีกัล และงานฝีมือของการบ่มในถังไม้โอ๊ก นำมาผ่านกระบวนการกรองด้วยเทคนิคพิเศษอันล้ำสมัยจนมีความใสบริสุทธิ์อย่างเหนือชั้น พร้อมมอบรสสัมผัสนุ่มละมุนเหนือระดับ ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ ความลึกซึ้ง และงานฝีมืออันเป็นสัญลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ไว้อย่างครบถ้วน ตอกย้ำภาพลักษณ์ของชีวาส รีกัล แบรนด์วิสกี้ที่ยกระดับประสบการณ์การดื่มด้วยนวัตกรรมที่ก้าวล้ำยิ่งขึ้น

Chivas Regal Crystalgold นำเสนอรสชาติเฉพาะตัวอันล้ำลึกจากนวัตกรรมระดับโลก ทางเลือกที่เหนือระดับสำหรับวิสกี้ใสแบบดั้งเดิม เหมาะสำหรับการดื่มเพื่อผ่อนคลายในช่วงพระอาทิตย์ตกดินที่ต้องการความสดชื่นและรสชาติที่ซับซ้อนมากขึ้น สามารถดื่มได้ทั้งแบบ neat, on the rocks หรือรังสรรค์เป็นค็อกเทล เพื่อสัมผัสประสบการณ์การดื่มที่นุ่มละมุนและโดดเด่นอย่างแท้จริง

“เรามีความเชื่อเสมอว่า นวัตกรรมควรเป็นการเสริมสร้างคุณค่าของประเพณี ไม่ใช่ลบเลือนมันไป และ Chivas Regal Crystalgold คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของแนวคิดนี้ เพราะมันได้ผลักดันขอบเขตแห่งความเป็นไปได้ในการผสมผสานรสชาติไปอีกขั้น” แซนดี้ ไฮสลอป (Sandy Hyslop), มาสเตอร์เบลนเดอร์แห่งชีวาส รีกัล กล่าวจากประสบการณ์การทดลองอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา

หลังจากผ่านการทดลองและพัฒนามาเป็นเวลาหลายปี ชีวาส รีกัล ได้คิดค้นกระบวนการกรองที่สามารถขจัดสีออกไปโดยไม่สูญเสียรสชาติ เพื่อสร้างประสบการณ์การดื่มที่ไม่เหมือนใครอย่างแท้จริง เป้าหมายในการสร้าง Chivas Regal Crystalgold จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การสร้างนวัตกรรมใหม่ แต่ยังคงรักษาเสน่ห์ที่ผู้คนชื่นชอบวิสกี้บ่มในถังไม้โอ๊ก พร้อมนำเสนอในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยความใสสะอาดดุจคริสตัลที่โดดเด่นสะดุดตา แต่ยังคงรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของชีวาส รีกัล เอาไว้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน


หัวใจสำคัญของการเปิดตัวครั้งนี้คือ ชาร์ลส์ เลอแคลร์ นักแข่งฟอร์มูล่าวันและ Global Brand Ambassador ของ ชีวาส รีกัล ผู้มีแนวคิดสร้างสรรค์และความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ ซึ่งสะท้อนปรัชญาเบื้องหลัง Chivas Regal Crystalgold เลอแคลร์เป็นที่รู้จักในเรื่องความแม่นยำในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นบนสนามแข่ง หรือแม้กระทั่งความชื่นชอบส่วนตัวอย่างเกมหมากรุก ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการคิดล่วงหน้าหลายขั้น ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สะท้อนถึงความพิถีพิถันและศิลปะในการผสมผสานและสร้างสรรค์วิสกี้เช่นกัน เช่นเดียวกับที่ Chivas Regal Crystalgold มอบมุมมองใหม่ต่อประเพณี เลอแคลร์ก็ได้นำมิติความทันสมัยและเฉียบคมมาสู่โลกที่ถูกหล่อหลอมด้วยมรดกและความแม่นยำ

“ตั้งแต่ที่ผมร่วมงานกับ ชีวาส รีกัล ผมได้รับแรงบันดาลใจจากความมุ่งมั่นอันไม่เปลี่ยนแปลงต่อศิลปะงานฝีมือ และความสามารถในการรักษามรดกทางประวัติศาสตร์ควบคู่ไปกับนวัตกรรม” ชาร์ลส์ เลอแคลร์ Global Brand Ambassador ของชีวาส รีกัล กล่าว “ปรัชญานี้สอดคล้องอย่างลึกซึ้งกับตัวผม ซึ่งสะท้อนถึงวิธีที่ผมใช้บริหารทั้งอาชีพนักแข่งและความชอบส่วนตัวนอกสนาม เช่น เกมหมากรุก ที่กลยุทธ์และความแม่นยำคือหัวใจสำคัญ Chivas Regal Crystalgold คือการสะท้อนจิตวิญญาณนั้นอย่างแท้จริง เป็นการผลักดันขอบเขตใหม่ๆ ในขณะที่ยังคงยึดมั่นในรากเหง้าของตนเอง”

เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดตัวนวัตกรรมสุดล้ำ ชาร์ลส์ เลอแคลร์ และ ชีวาส รีกัล ร่วมรังสรรค์เครื่องดื่มพิเศษ Crystalgold Spritz ที่ผสมผสานรสชาติของ ซิตรัส (Citrus), ดอกเอลเดอร์ฟลาวเวอร์ (Elderflower) และมินต์ (Mint) เติมความหรูหราด้วยแชมเปญ และ Chivas Regal Crystalgold สร้างสรรค์เป็นเครื่องดื่มคลาสสิกสุดโปรดในเวอร์ชันที่ทันสมัย ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่กล้าหาญและสดใหม่เช่นเดียวกับ Chivas Regal Crystalgold

“ผู้บริโภคราว 75%* กำลังมองหาเครื่องดื่มที่เหมาะกับช่วงบ่ายไปจนถึงช่วงเย็น Chivas Regal Crystalgold จึงตอบโจทย์ความต้องการที่เพิ่มขึ้นด้วยวิสกี้ที่มีความเบาและหลากหลาย ในขณะเดียวกันยังเติมเต็มช่องว่างในพอร์ตโฟลิโอให้กับแบรนด์ของเราด้วย” นิค แบล็คเนลล์ (Nick Blacknell), ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ชีวาส รีกัล กล่าว

“เราสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ทั้งผู้ดื่มรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ได้สัมผัสประสบการณ์ของวิสกี้แบบใหม่จากชีวาส รีกัล ซึ่งไม่เพียงเป็นความก้าวหน้าในกระบวนการกรองและรสชาติเท่านั้น แต่ยังสะท้อนตัวตนของเราอย่างชัดเจน ในความกล้าหาญ มีวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ และแนวคิดล้ำสมัย”


สามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจาก ชีวาส รีกัล รวมถึงเรื่องราวความหลงใหลในหมากรุกของ ชาร์ลส์ เลอแคลร์ ได้ที่ Instagram: @ChivasRegal หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.Chivas.com

คำเตือน โปรดดื่มชีวาส รีกัล อย่างมีความรับผิดชอบ และ ไม่ดื่มแล้วขับรถ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ: chivasregal@golin.com

*แหล่งที่มา: EMEA-LATAM Consumer Demand Meo / ดัชนี 100 = ค่าเฉลี่ยร้อยละของตลาด MOC

สูตรเครื่องดื่ม

The Chivas Regal Crystalgold Spritz
Chivas Regal Crystalgold 30 มล.
น้ำเชื่อมเอลเดอร์ฟลาวเวอร์  30 มล.
น้ำมะนาว 20 มล.
สปาร์กลิ้งไวน์ หรือแชมเปญ 60 มล.
เสิร์ฟในแก้วก้านยาว (Stemmed Glass)
ตกแต่งด้วยใบมินต์ (Mint Sprig)

โน้ตการลิ้มรส Chivas Regal Crystalgold
กลิ่น: พายแอปเปิล, วานิลลา ฟัดจ์, บัตเตอร์สก็อตครีม พร้อมกลิ่นส้มสดบางเบา
รสชาติ: แอปเปิลแดง: หวาน, ลูกแพร์: หวานฉ่ำน้ำ พร้อมรสอบอุ่นของอบเชยและขิง
รสสัมผัสท้าย: นุ่มละมุนอย่างโดดเด่น

เกี่ยวกับ ชีวาส รีกัล

ชีวาส ก่อตั้งในปี 1909 ที่โรงกลั่น Strathisla ในสกอตแลนด์ โดยพี่น้อง “เจมส์และจอห์น ชีวาส” (James & John Chivas) ผู้บุกเบิกศิลปะการผสมผสานวิสกี้ในศตวรรษที่ 19 ด้วยความขยันหมั่นเพียร มุ่งสู่ความเป็นเลิศ กล้าคิดริเริ่มธุรกิจ และให้ความสำคัญกับการสร้างชุมชน จากแรงบันดาลใจในการทำงานที่ทำให้เกิดปรัชญา “I Rise We Rise” ซึ่งกลายเป็นคำขวัญสำหรับผู้ดื่มสุรารุ่นใหม่ ที่พร้อมยกระดับตัวเองและคนรอบข้าง สร้างเส้นทางสู่ความสำเร็จ และผสานความยิ่งใหญ่เข้ากับน้ำใจ

ปัจจุบัน ชีวาส รีกัล ได้ถ่ายทอดจิตวิญญาณ “I Rise We Rise” ผ่านการมีส่วนร่วมกับวัฒนธรรมกีฬาระดับโลก โดยล่าสุดได้ขยายการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งทั้งในฐานะ Team Partner ของ Scuderia Ferrari HP Team และ Official Whisky Partner ของ Arsenal FC

ชีวาส รีกัล เป็นต้นตำรับสก็อตช์วิสกี้ผสมที่มีความหรูหรา ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมสก็อตช์วิสกี้ทั่วโลก โดยปัจจุบันมีมูลค่าการขายปลีกกว่า 2 พันล้านยูโร ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ผสมผสานความคลาสสิกเหนือกาลเวลากับนวัตกรรมสมัยใหม่ ประกอบด้วย Chivas Regal 12, Chivas Regal 18 และ Chivas Regal 25 พร้อมทั้งขยายนวัตกรรมล่าสุดไปยังเครื่องดื่มสปิริต ซึ่งปัจจุบันแบรนด์ส่งออกวิสกี้และเครื่องดื่มสปิริตไปยังมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยมียอดขายกว่า 4.5 ล้านเคสต่อปี (ขนาด 9 ลิตรต่อเคส)

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม www.Chivas.com

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %
เลิฟซีนเดือด! “ฟลุ๊ค – ไลท์” เสิร์ฟฉากรักเร่าร้อน ส่งท้ายซีรีส์ “Red Moon and Wine คืนจันทร์เลือด” จากโปรเจกต์ “4 Destiny”

เลิฟซีนเดือด! “ฟลุ๊ค – ไลท์” เสิร์ฟฉากรักเร่าร้อน ส่งท้ายซีรีส์ “Red Moon and Wine คืนจันทร์เลือด” จากโปรเจกต์ “4 Destiny”

0 0
Read Time:1 Minute, 22 Second

ร้อนแรงกว่าแดดประเทศไทย ต้องยกให้ตอนจบของซีรีส์ “Red Moon and Wine คืนจันทร์เลือด” หนึ่งใน 4 โปรเจกต์ใหญ่ “4 Destiny” ผลงานของค่าย เมค อะ พิคเจอร์ โปรดักชั่น กำกับโดยนักแสดงมากฝีมืออย่าง “พี–เอกภพ ต๊ะตา” ตั้งใจปั้นผลงานชิ้นนี้ออกมาอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะฉากเลิฟซีนที่เป็นงานถนัด ขอจัดหนักจัดเต็ม เสิร์ฟความฟินในฉากร่วมรัก พระ–นาย แบบดุเดือดเร่าร้อนให้แฟนๆ ได้ชมแบบเต็มตา


โดยไฮไลต์ของฉากนี้อยู่ที่ “ธนู” (รับบทโดยไลท์) เกิดอาการป่วยนอนซมอยู่บนเตียงหลังถูก “เสือ” ปีศาจจันทร์เลือดใช้อาคมทำให้ “ธนู” จมน้ำ ก่อนที่จะหมดสติไป “ใช่คุณ” (รับบทโดยฟลุ๊ค) ได้ยินเสียงจึงรีบเข้ามาดูแลด้วยความห่วงใย และทันใดนั้น เมื่อทั้งคู่สบตากันทุกอย่างหยุดนิ่ง บรรยากาศก่อให้เกิดอารมณ์ภายในใจจุดประกายไฟรัก “ใช่คุณ” ตัดสินใจกระชาก “ธนู” เข้ามาจูบอย่างรุนแรง บดขยี้ริมฝีปากอย่างโหยหา มือทั้งสองปัดป่ายหาที่ยึดเหนี่ยวจนของร่วงเกลื่อนกระจัดกระจาย และนั่นคือจุดเริ่มต้นของฉากเลิฟซีนที่จะสะกดสายตาผู้ชมให้ลุ้นแทบหายใจไม่ทั่วท้อง

สำหรับ Ep.สุดท้ายนี้ ใครไม่ดูถือว่าพลาดมาก!! เพราะนักแสดงหน้าใหม่อย่าง “ฟลุ๊ค – ไลท์”  ได้โชว์สปิริต เล่นจริง จูบจริง เข้าถึงอารมณ์กันอย่างเต็มที่ ไม่ต่างจากนักแสดงมืออาชีพ แฟนๆ สามารถตามไปฟินกับฉากนี้ได้ในตอนจบของซีรีส์ “Red Moon and Wine คืนจันทร์เลือด” หนึ่งในซีรีส์จากโปรเจกต์ “4 Destiny” ออนแอร์วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคมนี้ เวลา 20.00 น. ทาง Viu

#4DestinyProject #ViuOriginal
#RedMoonandWineSeries
#คืนจันทร์เลือด

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %
จับตาเป้าหมาย 2568: ภารกิจใหญ่โรงแรมระดับโลก เดินหน้าตามคำมั่น “ไข่ไก่ปลอดกรง” ทั่วเครือในเอเชีย

จับตาเป้าหมาย 2568: ภารกิจใหญ่โรงแรมระดับโลก เดินหน้าตามคำมั่น “ไข่ไก่ปลอดกรง” ทั่วเครือในเอเชีย

0 0
Read Time:3 Minute, 54 Second

กรุงเทพฯ: 29 กันยายน 2568 – นักรณรงค์จากซิเนอร์เจีย แอนนิมอล (Sinergia Animal) ตั้งแต่กรุงเทพฯ จนถึงรีโอเดจาเนโร จัดกิจกรรมร่วมกันทั่วโลกเรียกร้องและผลักดันให้เครือโรงแรมแมริออทเร่งดำเนินงานตามคำมั่นสัญญาในการใช้ไข่ไก่ปลอดกรง (Cage-Free) 100% ภายในปี 2568 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายด้านความยั่งยืนที่ประกาศไว้ตั้งแต่ปี 2561 แม้ความก้าวหน้าในระดับโลกเป็นที่น่าชื่นชม แต่ยังต้องมุ่งเน้นการดำเนินงานอย่างเต็มที่ในภูมิภาคเอเชียซึ่งเหลือเวลาเพียง 3 เดือนสุดท้าย

เพื่อร่วมขับเคลื่อนเป้าหมายนี้ องค์กรซิเนอร์เจีย แอนิมอลใน 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย บราซิล และอินโดนีเซีย ได้จัดกิจกรรมรณรงค์เพื่อเน้นย้ำถึงบทบาทของแมริออทในการส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์ โดยกิจกรรมในกรุงเทพฯ จัดขึ้นที่ โรงแรมแมริออทสุรวงศ์ และ โรงแรมแมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เครือโรงแรมแมริออททั่วโลกผนึกกำลังและสนับสนุนนโยบายการใช้ไข่ไก่ปลอดกรงในเอเชีย

แมริออทได้ประกาศไว้อย่างเป็นทางการในปี 2561 ในการเปลี่ยนมาใช้ไข่ไก่ปลอดกรง 100% ภายในปี 2568 แม้มีความก้าวหน้าอย่างน่าชื่นชมในระดับโลก แต่การทำงานในภูมิภาคเอเชียยังคงต้องเร่งดำเนินการเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้

ปัจจุบันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการใช้ไข่ไก่ปลอดกรงอยู่ที่ 42.65% ซึ่งเป็นตัวเลขที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นแต่ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของเป้าหมาย การเร่งดำเนินการในส่วนที่เหลือนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่ยังเป็นการตอกย้ำบทบาทของแมริออทในฐานะผู้นำด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสวัสดิภาพสัตว์ในอุตสาหกรรมโรงแรม

ทุกวันนี้มีแม่ไก่กว่า 54 ล้านตัวในประเทศไทยที่ถูกขังในฟาร์มกรงตับ ซึ่งถือเป็นวิธีการเลี้ยงที่โหดร้ายที่สุดวิธีหนึ่ง กรงตับมีพื้นที่เล็กกว่ากระดาษ A4 ทำให้แม่ไก่ไม่สามารถแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติ เช่น กางปีกหรืออาบฝุ่นได้เต็มที่ หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชี้ชัดว่าการเลี้ยงแบบนี้ก่อให้เกิดความทุกข์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เช่น กระดูกหัก ขนร่วง และ ความเครียดเรื้อรัง


กิจกรรมรณรงค์ในครั้งนี้ ไม่เพียงแค่เป็นการถือป้ายเรียกร้องเพื่อสะท้อนความเป็นจริงเบื้องหลังฟาร์มอุตสาหกรรม แต่ยังเป็นการเปิดพื้นที่ให้ความรู้และสร้างบทสนทนากับผู้คนที่ผ่านไปมา เพื่อแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนของสาธารณชนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อมาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์ที่ดีขึ้นในอุตสาหกรรมอาหาร

“เราชื่นชมความก้าวหน้าของแมริออทสู่เป้าหมายไข่ไก่ปลอดกรง แต่เมื่อเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่เดือน ความเร่งด่วนจึงสำคัญอย่างยิ่ง แมริออทได้แสดงบทบาทความเป็นผู้นำในภูมิภาคอื่น ๆ แล้ว และเราเชื่อว่าแมริออทสามารถก้าวไปสู่ความสำเร็จในเอเชียได้เช่นกัน เพื่อให้มั่นใจว่าแม่ไก่ทุกตัวจะไม่ถูกขังอยู่ในกรงที่โหดร้ายอีกต่อไป แมริออทมีศักยภาพที่จะพลิกโฉมสถานการณ์และสร้างการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกให้กับโรงแรมอื่นๆ ในอุตสาหกรรมได้” ศนีกานต์ รศมนตรี ผู้อำนวยการ ซิเนอร์เจีย แอนิมอล ประเทศไทย กล่าว

“การมุ่งสู่การใช้ไข่ปลอดกรงไม่เพียงตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค แต่ยังช่วยสร้างระบบอาหารที่มีความเมตตา สุขภาพดี และยั่งยืนมากขึ้นในอนาคต” วนัชพร ดวงนิล ผู้นำโครงการ กล่าวเสริม

ขบวนการใช้ไข่ไก่ปลอดกรง กำลังได้รับความสนใจทั่วโลก บริษัทชั้นนำด้านอาหารและการบริการหลายแห่งในประเทศไทย เช่น Onyx Hospitality Group, Zen Group, Sukishi, Minor Food, และ Minor Hotels ต่างประกาศนโยบายใช้ไข่ปลอดกรง ที่สอดคล้องกับความตระหนักด้านสวัสดิภาพสัตว์และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ความเคลื่อนไหวนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในไทยเท่านั้น แต่ในภูมิภาคเอเชียมีมากกว่า 300 บริษัท ที่ได้ประกาศคำมั่นสัญญาใช้ไข่ไก่ปลอดกรงแล้ว ตอกย้ำถึงแนวโน้มความยั่งยืนที่ธุรกิจต่าง ๆ ทั่วทั้งภูมิภาคให้ความสำคัญ


เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและกระตุ้นการดำเนินงาน ซิเนอร์เจีย แอนิมอล มีการใช้ Cage-Free Tracker ซึ่งเป็นเครื่องมือสาธารณะสำหรับตรวจสอบความคืบหน้าของบริษัทต่าง ๆ ในการเปลี่ยนไปใช้ไข่ไก่ปลอดกรงอย่างเป็นระบบ

“ความสำเร็จของแมริออทในสหรัฐอเมริกาและลาตินอเมริกาได้พิสูจน์แล้วว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นไปได้จริง การขยายผลนโยบายนี้ในเอเชียจะช่วยให้แมริออทเป็นต้นแบบด้านความเมตตาและความรับผิดชอบในอุตสาหกรรมการบริการระดับโลกได้อย่างสมบูรณ์แบบ” แคโรลิน่า กาลวานี ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการ ซิเนอร์เจีย แอนิมอล กล่าว

เกี่ยวกับ ซิเนอร์เจีย แอนนิมอล

ซิเนอร์เจีย แอนนิมอล เป็นองค์กรพิทักษ์สัตว์นานาชาติที่ทำงานใน Global South  เพื่อลดความทุกข์ทรมานของสัตว์ที่เลี้ยงเพื่ออาหาร และส่งเสริมทางเลือกอาหารที่มีความเมตตา ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งใน NGO ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในโลก โดย Animal Charity Evaluators (ACE)

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %