ผู้เขียน: Admin2

ททท. จับมือ Fastwork ดันไทยขึ้นแท่น Dream Destination เปิดตัวแคมเปญ “Workation Paradise Throughout Thailand Season 3”

ททท. จับมือ Fastwork ดันไทยขึ้นแท่น Dream Destination เปิดตัวแคมเปญ “Workation Paradise Throughout Thailand Season 3”

0 0
Read Time:4 Minute, 47 Second
วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับ Fastwork แพลตฟอร์มดิจิทัลชั้นนำในประเทศไทย ที่ให้บริการจับคู่ระหว่างผู้ว่าจ้างกับฟรีแลนซ์ในหลากหลายสาขาอาชีพ จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “Workation Paradise Throughout Thailand Season 3” สร้างกระแสการท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคดิจิทัล ขยายฐานกลุ่มเป้าหมายให้เข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ อาทิ Digital Nomads, Expat และ Freelancers ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

โดยมี นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย Mr. CK CHEONG ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท ฟาสต์เวิร์ค เทคโนโลยีส์ จำกัด (Fastwork Technologies) ให้เกียรติเข้าร่วมงาน ณ ห้องโถงธนะรัชต์ อาคาร ททท.

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท. เดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบ Workation อย่างต่อเนื่อง โดยโครงการ Workation Paradise Throughout Thailand Season 3 ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ต่อยอดมาเป็นปีที่ 3 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมนักท่องเที่ยวยุคดิจิทัล ที่มองหาความยืดหยุ่นในการทำงานควบคู่ไปกับการพักผ่อนและท่องเที่ยวโดย ททท. ได้ร่วมกับพันธมิตร มอบส่วนลดกว่า 80% และสิทธิประโยชน์มากมายจากสถานประกอบการชั้นนำที่ได้รับรางวัลและมาตรฐานความปลอดภัยที่เป็นที่ยอมรับ อาทิ Thailand Tourism Awards, STAR, SHA, SHA Plus และ SHA Extra Plus กว่า 200 แห่ง ที่ครอบคลุมทั้ง 5 หมวดหมู่การท่องเที่ยว ได้แก่ โรงแรมที่พัก, ร้านอาหาร, Co-Working Space กิจกรรมท่องเที่ยวและสุขภาพและความงาม พิเศษของปีนี้คือได้ร่วมมือกับ บริษัท ฟาสต์เวิร์ค เทคโนโลยีส์ จำกัด หรือ Fastwork แพลตฟอร์มดิจิทัลชั้นนำในประเทศไทยที่ให้บริการจับคู่ระหว่างผู้ว่าจ้างกับฟรีแลนซ์ในหลากหลายสาขาอาชีพ


ในการประชาสัมพันธ์และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายภายใต้โครงการฯ เพื่อขยายฐานกลุ่มเป้าหมายให้เข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเจาะกลุ่ม Digital Nomads/ Expat/ Freelancers และRemote Workers ซึ่งในประเทศไทยมีอยู่กว่า 14–16 ล้านคน ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีอิสระในการทำงาน ไม่จำกัดสถานที่ และมีแนวโน้มในการเดินทางท่องเที่ยวควบคู่กับการทำงานเนื่องจากนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวส่วนใหญ่มีอิสระทางด้านเวลา อีกทั้งมีพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวควบคู่กับการทำงานไม่ยึดติดกับสถานที่ใดสถานที่หนึ่งในการทำงาน และสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ เมื่อมีอินเทอร์เน็ต


ทั้งนี้ ททท. คาดหวังว่ากิจกรรมดังกล่าวจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพ เพิ่มระยะเวลาการเข้าพักเฉลี่ยและเพิ่มค่าใช้จ่ายทางการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยว และเกิดรายได้หมุนเวียนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกว่า 210 ล้านบาท ตลอดจนกระตุ้นให้เกิดการเดินทางข้ามภูมิภาคและเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย เข้ากับประสบการณ์การทำงานที่ยืดหยุ่น สะท้อนถึงความพร้อมของประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง Work & Travel ระดับโลก

Mr. CK CHEONG ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท ฟาสต์เวิร์ค เทคโนโลยีส์ จำกัด (Fastwork Technologies) กล่าวว่า Workation ไม่ใช่แค่กระแส แต่คืออนาคตของการทำงานที่ตอบโจทย์ทั้งคนและองค์กร ซึ่ง Fastwork มุ่งสนับสนุนวิถีชีวิตแบบใหม่นี้ ผ่านกิจกรรม “100 เดียว เที่ยวได้งาน” ที่ร่วมมือกับ ททท. เพื่อนำเสนอไลฟ์สไตล์ที่ทำงานจากที่ไหนก็ได้ และช่วยกระจายรายได้สู่ภูมิภาคในเวลาเดียวกันนอกจากนี้ Fastwork ยังเน้นย้ำวิสัยทัศน์ในการเป็น Platform Enabler ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถออกแบบการทำงานและการใช้ชีวิตได้ตามความสมัครใจ พร้อมสนับสนุนคนรุ่นใหม่ให้เข้าใจแนวคิด Work-Life Harmony หรือการผสานระหว่างงานและชีวิตอย่างกลมกลืน ซึ่งกำลังเป็นนิยามใหม่ของการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัล


สำหรับกิจกรรมภายใต้โครงการ Workation Paradise Throughout Thailand Season 3 ประกอบด้วย กิจกรรม Workation เที่ยวเป็นทีม ททท. จัดให้ กระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวผ่าน Special Deals ให้ผู้ที่สนใจชวนทีมออกไป Workation ในสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไทยโดยกดรับคูปองสิทธิพิเศษทางการท่องเที่ยวจากสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้ที่เว็บไซต์ www.tourismthailand.org/workationthailand ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2568 และจะประกาศชื่อผู้โชคดีพร้อมลุ้นรับแพ็กเกจท่องเที่ยวแบบเป็นทีมและของรางวัลสุดพิเศษ จำนวน 14 รางวัล ในวันที่ 4 กันยายน 2568 ผ่านช่องทาง Facebook Page : Amazing Thailand ลุ้นเป็นผู้โชคดีกับรางวัลที่ 1 Macbook Air พร้อมแพ็กเกจที่พักศรีพันวา 2 วัน 1 คืน พร้อมอาหารเช้าสำหรับ 3 ท่าน รางวัลที่ 2 iPhone 16e พร้อมแพ็กเกจที่พักโรงแรม วี วิลล่า หัวหิน 2 วัน 1 คืน พร้อมอาหารเช้าสำหรับ 3 ท่าน

นอกจากนี้ยังเสริมความพิเศษด้วย กิจกรรม 100 เดียวเที่ยวได้งาน กิจกรรมส่งเสริมการขายโดยร่วมมือกับ แพลตฟอร์ม Fastwork รวบรวมดีลสุดพิเศษในรูปแบบ Voucher ครอบคลุมหลากหลายหมวดหมู่การท่องเที่ยวจากสถานประกอบการชั้นนำ อาทิ ศรีพันวา, โรงแรมดุสิตธานี ลากูนา ภูเก็ต, โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน, เดอะ ซายน์ พัทยา, อาน่า รีสอร์ท แอนด์ สปา เกาะช้าง, โฮมพุเตย ริเวอร์แคว รีสอร์ท, โรงแรม เดอะ เบย์วิว พัทยา, วานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล, บาร์บีคิวพลาซ่า, โอเอซิสสปา เป็นต้น

และนำมาเสนอขายบนเว็บไซต์ https://fastwork.co/ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถซื้อ Voucher ด้านการท่องเที่ยวได้ในราคา 100 บาท เท่านั้น โดยจะจัดรอบกิจกรรมทั้งหมด 2 รอบ ในทุกวันที่ 25 ของเดือนกรกฎาคม และ เดือนสิงหาคม 2568


ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.tourismthailand.org/workationthailand หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Official Line : @workationthailand

#WorkationParadiseThroughoutThailandSeason

https://youtu.be/POR_erXbwM4?si=_sbNKfkPSwyT58XB

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %
เบเยอร์ คิกออฟ ร่วมสร้างอาคารต้นแบบในเขตกรุงเทพฯ ให้เย็นขึ้นและปลอดภัยยิ่งขึ้น

เบเยอร์ คิกออฟ ร่วมสร้างอาคารต้นแบบในเขตกรุงเทพฯ ให้เย็นขึ้นและปลอดภัยยิ่งขึ้น

0 0
Read Time:2 Minute, 14 Second
ครั้งแรกในไทย! เบเยอร์ คิกออฟ ร่วมสร้างอาคารต้นแบบในเขตกรุงเทพฯ ให้เย็นขึ้นและปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยสีทาภายในที่มีคุณสมบัติสะท้อนความร้อนสูงและหน่วงไฟในตัว พร้อมยกระดับ “คุณสมบัติสีหน่วงไฟ” ด้วยนวัตกรรมจากขยะอาหาร สร้างโรงเรียนปลอดภัยต้นแบบเพื่อสังคม

บริษัท เบเยอร์ จำกัด ผู้นำด้านนวัตกรรมสีรักษ์โลก เดินหน้ายกระดับมาตรฐานอาคารปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เปิดตัวโครงการ “โรงเรียนปลอดภัย ห่างไกลอัคคีภัยด้วยนวัตกรรมจากขยะอาหาร” ณ ศูนย์เด็กปฐมวัยเมอร์ซี่ คลองเตย ร่วมกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชน ได้แก่ ศูนย์นาโนเทค สวทช., โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค และกรุงเทพมหานคร
หัวใจของโครงการนี้ คือการต่อยอดโดยผนึกกำลัง ขยะอาหาร (Food waste) จากเปลือกหอยนางรม สู่ “สารชีวภาพหน่วงไฟ” ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันอัคคีภัย กับ ผลิตภัณฑ์ BegerCool All-Plus for Interior สีทาภายในระดับพรีเมียมที่มีคุณสมบัติโดดเด่น ทั้งด้านการสะท้อนความร้อน และคุณสมบัติหน่วงไฟ  เพื่อลดความเสี่ยงอัคคีภัยในแหล่งชุมชน โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีเด็กเล็กซึ่งมีข้อจำกัดในการอพยพย้ายในภาวะฉุกเฉิน พร้อมยังมีสุขภาวะการอยู่อาศัยที่ดีด้วยอุณหภูมิที่เย็นสบาย (Thermal Comfort)

การเติมสารชีวภาพที่พัฒนาจากขยะอาหารในครั้งนี้ ยังช่วย เพิ่มประสิทธิภาพการหน่วงไฟอีกระดับ ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน UL94 V-0 สามารถดับไฟได้ภายใน 10 วินาทีโดยไม่เกิดเปลวไฟหยด ทั้งยังปลอดภัยต่อสุขภาพ ไม่ปล่อยสารระเหยอันตราย


ดร.วรวัฒน์ ชัยยศบูรณะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทสีเบเยอร์ กล่าวว่า “เราเชื่อว่าสีที่ดีควรเป็นมากกว่าความสวยงาม แต่ต้องปกป้องคนในบ้าน โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่ต้องการความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมที่ดีต่อการเรียนรู้ BegerCool All-Plus for Interior ไม่เพียงแค่ช่วยให้อาคารเย็นสบาย แต่ยังมีคุณสมบัติหน่วงไฟ และยกระดับด้วยนวัตกรรมจากวัสดุเหลือใช้ทางอาหาร โครงการนี้จึงเป็นบทพิสูจน์ว่าเราสามารถใช้ทรัพยากรอย่างชาญฉลาด สร้างคุณค่าที่ทั้งปลอดภัย ยั่งยืน และเกิดประโยชน์ต่อสังคมจริง เหมาะกับการดูแลเด็ก ๆ ในโรงเรียน หรือ แม้แต่นำไปใช้กับกลุ่มอาคารที่มีผู้อยู่อาศัยหนาแน่น เช่น โรงพยาบาล อาคารสาธารณะอื่น ๆ เป็นต้น”
เบเยอร์ยังมีแผนขยายผลนวัตกรรมสีเพื่อความปลอดภัยนี้ สู่พื้นที่อื่น ๆ โดยเฉพาะอาคารสำหรับเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และกลุ่มเปราะบาง เพื่อยกระดับมาตรฐานอาคารไทยให้ “เย็น ปลอดภัย และยั่งยืน” อย่างแท้จริง สามารถเข้าชมกิจกรรมต่างๆ หรือผลิตภัณฑ์จากทางเบเยอร์ได้ที่ https://www.beger.co.th/th/product/5/BegerCool-All-Plus-for-Interior
Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %
เปิดเวที Thailand Industrial Conference 2025: ผนึกพลัง 8 สถาบัน เดินหน้าจุดประกายอนาคตอุตสาหกรรมไทย

เปิดเวที Thailand Industrial Conference 2025: ผนึกพลัง 8 สถาบัน เดินหน้าจุดประกายอนาคตอุตสาหกรรมไทย

0 0
Read Time:3 Minute, 32 Second

อุตสาหกรรมพัฒนามูลนิธิ และ 8 สถาบันเครือข่าย ร่วมกันเปิดเวที “Thailand Industrial Conference 2025” ภายในงาน Boilex Asia และ Pumps and Valves Asia 2025 ภายใต้ธีม Igniting the Industrial Future ขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยสู่ยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และความยั่งยืน แลกเปลี่ยนมุมมอง โอกาส และกลยุทธ์ เพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขันไทยบนเวทีโลก

ภาคอุตสาหกรรมไทยคือกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างรายได้ การจ้างงาน และความเชื่อมั่นทางการลงทุนในระดับโลก ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีและความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม การปรับตัวอย่างเป็นระบบสู่แนวทางที่ยั่งยืนและขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมจึงเป็นภารกิจเร่งด่วน การจัดสัมมนาในหัวข้อ “Igniting the Industrial Future: จุดประกายอนาคตอุตสาหกรรมไทย” โดยความร่วมมือของภาคีเครือข่ายอุตสาหกรรม จึงมีเป้าหมายเพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ เชื่อมโยงเครือข่าย และร่วมกันกำหนดทิศทางใหม่ของภาคอุตสาหกรรมไทยอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก จำเป็นต้องอาศัยการบูรณาการทั้งด้านนโยบาย เทคโนโลยี และความร่วมมือจากทุกภาคส่วน งาน Thailand Industrial Conference 2025 ถือเป็นเวทีที่รวมพลังของภาคอุตสาหกรรมทั้งระบบ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยให้สามารถเติบโตได้อย่างสมดุลทั้งในด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และความปลอดภัย เพื่อให้ทันต่อบริบทของโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนทางเทคโนโลยี ภูมิรัฐศาสตร์ และความท้าทายด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรมมุ่งส่งเสริมให้อุตสาหกรรมไทยก้าวสู่ “Green & Safe Industry” ด้วยแนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยีสะอาด และการบริหารจัดการภาคอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในการขับเคลื่อนนโยบายอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตบนรากฐานของความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ งาน Thailand Industrial Conference 2025 และ งาน Boilex Asia & Pumps and Valves Asia (BXAPVA) ถือเป็นเวทีสำคัญที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของกระทรวงอุตสาหกรรมในการสร้าง “อุตสาหกรรมไทยแห่งอนาคต” ที่มีความยั่งยืน ปลอดภัย และแข่งขันได้ในเวทีโลก โดยภายในงานได้มีนำเสนอเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน ระบบหม้อน้ำที่ทันสมัย ปั๊มและวาล์วที่รองรับโรงงานสีเขียว รวมถึงนวัตกรรมการผลิตและระบบความปลอดภัยในโรงงาน พร้อมเชื่อมโยงองค์ความรู้จากภาควิชาการ ภาคนโยบาย และภาคเอกชนเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธาน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทยมีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับอุตสาหกรรมพัฒนามูลนิธิและ 8 สถาบันเครือข่ายในการจัดงาน Thailand Industrial Conference 2025 ซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่แสดงถึงความร่วมแรงร่วมใจของภาครัฐ ภาควิชาการ และภาคเอกชน ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยสู่ความยั่งยืนและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นมากกว่าการจัดสัมมนา แต่คือการจุดประกายแนวคิดใหม่ ๆ ให้กับผู้ประกอบการ ผู้นำทางอุตสาหกรรม และบุคลากรในโรงงาน ได้ร่วมกันพัฒนา ปรับตัว และขับเคลื่อนสู่โรงงานแห่งอนาคตที่มีประสิทธิภาพทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยภายในงาน Boilex Asia & Pumps and Valves Asia 2025 ซึ่งจัดขึ้นร่วมกัน ผู้เข้าร่วมจะได้พบกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลกด้านเทคโนโลยีหม้อไอน้ำ ปั๊ม และวาล์ว พร้อมโซลูชันอัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การประหยัดพลังงาน และสอดคล้องกับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมสากล มากกว่า 200 แบรนด์ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสัมมนาเชิงลึกกว่า 50 หัวข้อ รวมถึงเวทีพิเศษอย่าง GreenTech Stage และ i-Factory Stage ที่จะเติมเต็มความรู้และสร้างโอกาสใหม่ให้กับผู้ประกอบการทุกภาคส่วน เราเชื่อมั่นว่างานนี้จะเป็นแพลตฟอร์มที่สำคัญในการสร้างความร่วมมือ พัฒนาองค์ความรู้ และขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งบนเส้นทางของอุตสาหกรรมสีเขียว”

ร่วมเปิดโลกอุตสาหกรรมยุคใหม่ เรียนรู้เทคโนโลยีสีเขียว และต่อยอดโอกาสทางธุรกิจไปด้วยกันในงาน Thailand Industrial Conference 2025 และงาน Boilex Asia และ Pumps and Valves Asia ที่จะจัดขึ้นแล้วตั้งแต่วันนี้ –4 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ โดยมุ่งเน้นการนำเสนอเทคโนโลยี นวัตกรรมสีเขียว และองค์ความรู้เพื่อเสริมศักยภาพภาคอุตสาหกรรมไทย ให้ก้าวสู่ความยั่งยืน ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.boilex-asia.com และ www.pumpsandvalves-asia.com

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %