Recent Posts

คอลเลคชั่น “S’CRAFT: Craftsmanship 2025”งานปักวิจิตร ถ่ายทอดเอกลักษณ์ไทยผ่านดีไซน์ร่วมสมัย

คอลเลคชั่น “S’CRAFT: Craftsmanship 2025”งานปักวิจิตร ถ่ายทอดเอกลักษณ์ไทยผ่านดีไซน์ร่วมสมัย

0 0
Read Time:6 Minute, 13 Second

แบรนด์ SIRIVANNAVARI ร่วมกับ ICONCRAFT
รังสรรค์คอลเลคชั่นกระเป๋าผ้าไหมไทยประจำปี “S’CRAFT: Craftsmanship 2025”  
เชิดชูศิลปะแห่งการทอสี่ภาค และภูมิปัญญางานปักอันวิจิตร
ถ่ายทอดแนวคิด “Royal Weave” ยกระดับผ้าไทยสู่สากล

แบรนด์ SIRIVANNAVARI ร่วมกับ ICONCRAFT (ไอคอนคราฟต์) พื้นที่แห่งแรงบันดาลใจ แหล่งรวมงานคราฟต์สร้างสรรค์จากช่างฝีมือไทยที่ใหญ่ที่สุด กลับมาสร้างปรากฏการณ์ความงามร่วมสมัยผ่านผืนผ้าไทยอีกครั้ง ในคอลเลกชันกระเป๋าผ้าไหมไทยสุดเอ็กซ์คลูซีฟประจำปี “S’CRAFT: Craftsmanship 2025” นำเสนออัตลักษณ์อันโดดเด่นของผืนผ้าจากสี่ภูมิภาคของไทย ผสานความวิจิตรของงานปักสุดประณีตในธีม “Royal Weave” พร้อมเผยโฉมผลงานสุดพิเศษแบบ One-of-a-Kind จำนวน 88 ใบในโลก เป็นครั้งแรกในงาน “S’CRAFT THAI TEXTILE TREASURES: FOUR REGIONS, TIMELESS LEGACY CRAFTSMANSHIP 2025” ผ่านแฟชั่นโชว์จากนางแบบมืออาชีพแถวหน้าของวงการ ให้ชมก่อนใครในวันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม 2568 ณ สุราลัย ฮอลล์ ชั้น 7 ไอคอนสยาม ก่อนวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ณ ไอคอนคราฟต์ ชั้น 4-5 ไอคอนสยาม

นับเป็นธรรมเนียมต่อเนื่องประจำทุกปีที่แบรนด์ SIRIVANNAVARI และICONCRAFT จะร่วมกันสร้างสรรค์ “S’CRAFT” คอลเลกชันกระเป๋าผ้าไหมไทย โดยเป็นส่วนหนึ่งในแคมเปญ THAI TEXTILE HEROES ของไอคอนคราฟต์ ที่มุ่งยกระดับผ้าไทย งานหัตถกรรม รวมถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่สากล เพื่อสะท้อนพระราชปณิธานของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา องค์ครีเอทีฟไดเรกเตอร์แบรนด์ SIRIVANNAVARI ที่ทรงมุ่งมั่นสืบสานพระราชกรณียกิจของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการสนับสนุนผ้าไทยบนพื้นฐานของภูมิปัญญาท้องถิ่นและฝีมือชั้นครูอย่างแท้จริง ด้วยพระปรีชาสามารถ ล่าสุดองค์การยูเนสโกซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ได้ถวายประกาศเชิดชูพระเกียรติ และเหรียญสดุดีพระกรณียกิจ ด้านการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรม และการส่งเสริมงานวิจิตรศิลป์ รวมทั้งการขับเคลื่อนวัฒนธรรม ตลอดจนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในประเทศไทย แด่องค์ดีไซเนอร์เพื่อยกย่องในพระอัจฉริยภาพด้านการส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรม และความคิดสร้างสรรค์เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยทรงเป็นคนไทยพระองค์แรกที่ทรงได้รับการถวายพระเกียรติคุณในด้านนี้

การกลับมาครั้งนี้ของ “S’CRAFT: Craftsmanship 2025” จึงมีความพิเศษเป็นอย่างยิ่ง สำหรับปีนี้เน้นออกแบบกระเป๋าผ้าไทยด้วยงานดีไซน์ร่วมสมัย สร้างสรรค์ทุกใบอย่างละเมียดละไมให้เป็นดั่งงานศิลปะอันทรงคุณค่าและมีเพียงหนึ่งเดียวในโลก ภายใต้ธีม “Royal Weave” ผสานความงามของผ้าไทยสี่ภาค เหนือ อีสาน กลาง และใต้ เข้ากับงานปักชั้นสูงอันประณีตจาก SIRIVANNAVARI Atelier & Academy โดยคัดสรรลวดลายและเทคนิคเฉพาะในการทอผ้าของแต่ละภูมิภาคมารังสรรค์ใหม่ให้เป็นผลงานร่วมสมัยที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ท้องถิ่นไว้ครบถ้วน เพิ่มคุณค่าด้วยลายปักที่นำสัญลักษณ์ หรือวัสดุท้องถิ่นประจำภาคมาออกแบบสร้างลวดลายอันวิจิตร สะท้อนแนวคิดร่วมสมัยที่ยังคงรักษารากเหง้าของความเป็นไทยไว้อย่างสมบูรณ์

เริ่มจาก ภาคเหนือ ที่เลือกสรรผ้าทอใยธรรมชาติซึ่งแฝงมนตร์เสน่ห์แห่งชนเผ่าจากจังหวัดต่าง ๆ รวมถึงโครงการหลวงในภาคเหนือ ผสมผสานเข้ากับงานปักที่ใช้วัสดุธรรมชาติอย่างลูกเดือยโทนสีขาวครีม ร้อยเรียงกับคริสตัลและลูกปัด สอดรับกับลายผ้าทอจากชุมชนและชนเผ่า ส่วนภาคกลาง เลือกใช้ผ้าทอหลากลวดลายที่ได้แรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมและงานศิลปหัตถกรรมไทย มาเสริมความโดดเด่นด้วยงานปักที่บ่งบอกความเป็นไทยร่วมสมัย ผ่านดิ้นเลื่อมโลหะที่ใช้ปักประดับบนสิ่งทอชั้นสูงมานานนับพันปี ผสมผสานกับลูกปัด คริสตัลดอกไม้ และแท่งแก้วเพื่อถ่ายทอดความรุ่มรวยทางวัฒนธรรม สำหรับภาคอีสาน เลือกใช้ผ้าไหมมัดหมี่ที่มีผิวสัมผัสและลวดลายสีสันสวยงาม แต่งแต้มด้วยคริสตัลสี แท่งแก้ว และลูกปัดแก้ว ที่ปักประดับให้กลมกลืนไปกับสีสันและลวดลายเรขาคณิตของผ้าไหมมัดหมี่ ด้านภาคใต้ เลือกนำศิลปะผ้าบาติกที่หลอมรวมงานหัตถศิลป์และเทคนิคการย้อมสีที่ไม่เหมือนใคร จากช่างฝีมือท้องถิ่น มาปักลวดลายสามมิติเสมือนจริงด้วยวัสดุธรรมชาติอย่างไข่มุก เปลือกหอย คริสตัล และลูกปัดแก้ว ร้อยเรียงไปกับลายบาติกอันงดงาม ทำให้จินตนาการถึงทิวทัศน์ของฟองคลื่นบนหาดทราย แนวปะการังอันอุดมสมบูรณ์

โดยผืนผ้าจากแต่ละภาคถูกนำมารังสรรค์เป็นกระเป๋าหลากรูปทรง ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่และคนรักแฟชั่น รวมสี่ภาค 88 ใบ ทั้ง “S’Signature Pouch” กระเป๋าทรงถุงผ้าพร้อมสายคล้องสั้นอันเป็นเอกลักษณ์ “บุษบง” (Busabong Bag) กระเป๋าทรงขนมจีบที่โดดเด่นด้วยงานจับสม๊อคอันประณีต “บุปผา” (Bupa Wristlet) กระเป๋าคล้องข้อมือสไตล์ญี่ปุ่น “บุษบา” (Busaba Clutch) กระเป๋าคลัตช์ยาวที่เหมาะกับชุดราตรี และ “ราชพฤกษ์” (Rachapruek Bag) กระเป๋าถือทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าพร้อมหูจับ ขนาดกระทัดรัด โดยทุกใบตกแต่งด้วยโลโก้และสัญลักษณ์นกยูงแห่งแบรนด์ SIRIVANNAVARI อีกทั้งยังมีความงามและความพิเศษเฉพาะตัว จนนับได้ว่าเป็น One-of-a-Kind ที่ควรค่าแก่การสะสม

นอกจากนี้ “S’CRAFT: Craftsmanship 2025” ยังมีไฮไลต์พิเศษเป็น “Luxe de Siam Exclusive Edit Clutch” กระเป๋าคลัตช์ที่ตกแต่งด้วยสัญลักษณ์นกยูงรำแพนสง่างามบนผืนผ้าทออันงดงามจับใจ สุดยอดผลงานจากฝีมือ อาจารย์มีชัย แต้สุจริยา ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ผู้พัฒนาลวดลายอันเลื่องชื่ออย่างผ้ากาบบัว ซิ่นมุกจกดาว และก่อตั้งพิพิธภัณฑ์บ้านคำปุน ในจังหวัดอุบลราชธานี และอาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย ครูศิลป์ของแผ่นดิน ผู้ได้รับการยกย่องให้เป็นบรมครูผ้าไหมไทย ผู้ก่อตั้งแบรนด์ “จันทร์โสมา” จากกลุ่มทอผ้ายกทองหมู่บ้านท่าสว่าง จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งรังสรรค์ให้คนรักผ้าไทยได้ครอบครองเพียง 2 ใบเท่านั้น

และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับความร่วมมือในการยกระดับศิลปะหัตถกรรมไทยผ่านคอลเลกชันนี้ แบรนด์ SIRIVANNAVARI ได้ร่วมกับ ICONCRAFT จัดงาน “S’CRAFT THAI TEXTILE TREASURES: FOUR REGIONS, TIMELESS LEGACY CRAFTSMANSHIP 2025” เผยโฉมกระเป๋าผ่านแฟชั่นโชว์ครั้งพิเศษ เชิญเหล่านางแบบกิตติมศักดิ์มาร่วมเผยโฉมกระเป๋าในคอลเลกชัน “S’CRAFT:Craftsmanship 2025” เป็นครั้งแรกในวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ณ สุราลัย ฮอลล์ ชั้น 7 ไอคอนสยาม พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ณ ไอคอนคราฟต์ ชั้น 4-5 ไอคอนสยาม

นอกจากนี้ เพื่อถ่ายทอดพระอัจฉริยด้านงานศิลปะและการออกแบบของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เชิญชมนิทรรศการที่ถ่ายทอดเรื่องราวของกระเป๋า 88 ใบ ในคอลเลกชันพิเศษที่ถักทอขึ้นจากผ้าไทย 4 ภูมิภาค ภายใต้แรงบันดาลใจจากพระอัจฉริยภาพด้านศิลปะและงานออกแบบของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา หลอมรวมภูมิปัญญาไทยกับการออกแบบร่วมสมัยสู่ผลงานที่เปี่ยมด้วยรสนิยมและคุณค่าในระดับสากล
พร้อมชมผลงานหัตถศิลป์งานปักชั้นสูงแห่งแบรนด์ SIRIVANNAVARI ภายใต้การดูแลของ SIRIVANNAVARI Atelier & Academy ถ่ายทอดความประณีตอันทรงคุณค่าผ่านเทคนิคงานปักชั้นสูงและลวดลายงดงามซึ่งสะท้อนพระอัจฉริยภาพด้านศิลปะและการออกแบบอย่างลึกซึ้ง ได้ตั้งแต่วันที่ 1 – 31 สิงหาคม 2568 ณ ICONCRAFT Globe ชั้น 4 ไอคอนสยาม

“S’CRAFT:Craftsmanship 2025” ไม่เพียงเป็นคอลเลกชันกระเป๋าประจำปี แต่ยังเป็นการผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่งานออกแบบระดับโลก เพื่อส่งต่อคุณค่าแห่งหัตถศิลป์ไทยผ่านเวทีที่ยิ่งใหญ่ระดับประเทศ ให้ทุกคนได้สัมผัสความงดงามของผ้าไทยผ่านมุมมองใหม่ที่ร่วมสมัยและมีความเป็นสากล คนรักผ้าไทยร่วมชื่นชมและเลือกซื้อกระเป๋าผ้าไหมไทยในคอลเลกชัน “S’CRAFT:Craftsmanship 2025” ได้ที่ ไอคอนคราฟต์ ชั้น 4-5 ไอคอนสยาม ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป ติดตามความเคลื่อนไหวและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Facebook: ICONCRAFT

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %
Facebook Comments Box
“Samyan Mitrtown Lantern Art Festival 2025” งานซิกเนเจอร์อีเวนท์สุดอาร์ตแห่งปี ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ก.ค. นี้

“Samyan Mitrtown Lantern Art Festival 2025” งานซิกเนเจอร์อีเวนท์สุดอาร์ตแห่งปี ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ก.ค. นี้

0 0
Read Time:9 Minute, 9 Second

จากงานซิกเนเจอร์อีเวนท์เทศกาลโคมไฟสุดอาร์ตแห่งปี สู่การเป็นคอมมูนิตี้สุดปังของคนที่รักและชื่นชอบศิลปะที่ใหญ่ขึ้น พร้อมเติมเต็ม Japanese culture แบบเต็มอรรถรส บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ จับมือร่วมกับพันธมิตร บริษัท เจ.บี.พี. อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็นท์ จำกัด หรือ JBP ผู้นำด้านนวัตกรรมสีเพื่อสิ่งแวดล้อมคุณภาพสูงโดยคนไทย มาตรฐานระดับสากล, Eat Ramen Fest By ครัวคุณต๋อย เทศกาลราเมงสุดยิ่งใหญ่ครั้งแรกในไทย, MARUYA คอมมูนิตี้ของคนรักอนิเมะ โอตาคุ คอสเพลย์ และเกมเมอร์สายญี่ปุ่น รวมถึงกรุงเทพมหานคร ที่มาร่วมส่งต่อโครงการดี ๆ ให้นักเรียนในเขตบางรักได้ร่วมแสดงพลังแห่งความสร้างสรรค์  ในเทศกาลโคมไฟสุดอาร์ตแห่งปี “Samyan Mitrtown Lantern Art Festival 2025” ซิกเนเจอร์อีเวนท์ที่กลับมาสร้างความประทับใจต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “LUMIGAMI – Folding Light, Flowing Vibes” ส่องมิติแสง ผสานศิลป์ กว่า 3,000 ดวง ชวนทุกคนมาร่วมสร้างแลนด์มาร์กศิลปะจากผลงานของทุกคนและเก็บโมเมนต์สุดประทับใจไปด้วยกัน วันนี้ถึง 31 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์

‘แลนด์มาร์กศิลปะ’ พื้นที่แห่งความสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจที่เปิดกว้างให้ทุกคนได้ร่วมสร้างผลงานศิลปะในแบบของตัวเองที่มีชิ้นเดียวบนโลก จากโคมไฟญี่ปุ่นเพ้นท์มือกว่า 3,000 ดวง โดยนำโคมไฟที่ทุกคนเพ้นท์นำมาจัดแสดงภายในงาน ผ่านคอนเซ็ปต์ LUMIGAMI ที่ได้แรงบันดาลใจจากจาก “Luminous” แสงสว่างที่สร้างความรู้สึกอบอุ่น สงบ และเปี่ยมด้วยความหวัง ผสานกับ “Origami” ศิลปะการพับกระดาษแบบญี่ปุ่น และงานเพ้นท์โคมไฟสร้างสรรค์งานศิลปะตามจินตนาการ สอดคล้องกับแนวคิดของศูนย์ฯ Inspiring Everyday Experiences พื้นที่ที่มอบแรงบันดาลใจและประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับผู้มาเยือนทุกวัน

ธีรนันท์ กรศรีทิพา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการพัฒนาธุรกิจรีเทล บริษัท เฟรเซอร์ส  พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เทศกาลโคมไฟของเราเดินทางมาถึงปีที่ 4 แล้ว จากจุดเริ่มต้นที่ต้องการสร้างพื้นที่ศิลปะที่ทุกคนเข้าถึงได้ วันนี้ได้กลายเป็นซิกเนเจอร์อีเวนท์ที่ทุกคนรอคอย และตอกย้ำ DNA ของสามย่านมิตรทาวน์ในฐานะผู้ริเริ่มเทศกาลนี้เป็นที่แรก สำหรับความพิเศษ

ในปีนี้คือคอนเซ็ปต์ ‘LUMIGAMI’ ที่เราอยากชวนทุกคนมาสร้างแลนด์มาร์กศิลปะร่วมกัน ผ่านโคมไฟเพ้นท์มือกว่า 3,000 ดวง ซึ่งแต่ละดวงคือผลงานศิลปะที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก ซึ่งสะท้อนตัวตนของผู้สร้างสรรค์ และเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนของแคมเปญ “ชีวิตดี…เริ่มต้นที่ไหน?” ของ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรซึ่งออกแบบพื้นที่คุณภาพที่เข้าใจความต้องการของผู้คนในทุกจังหวะชีวิต และสามย่านมิตรทาวน์นับเป็นหนึ่งในต้นแบบของ “พื้นที่แห่งชีวิตที่ดี” #ชีวิตดีเริ่มต้นที่สามย่านมิตรทาวน์ เพราะเราเชื่อว่าการมอบประสบการณ์ที่สร้างแรงบันดาลใจ คือจุดเริ่มต้นของชีวิตที่ดี”

นายกลินท์ สารสิน นายกสมาคมไทย-ญี่ปุ่น กล่าวว่า “ ในนามของสมาคมไทย-ญี่ปุ่น ผมรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงาน Samyan Mitrtown Lantern Art Festival 2025 ซึ่งเป็นเทศกาลที่สร้างสรรค์และเปี่ยมด้วยพลังบวก โดยปีนี้ได้นำศิลปะทั้งการเพ้นท์ การพับกระดาษ ‘Origami’ และโคมไฟ อันเป็นสัญลักษณ์ที่งดงามของวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาเป็นแนวคิดหลักของงาน ซึ่งเป็นการสื่อสารถึงแก่นของวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญกับความประณีต ความตั้งใจ และความหมายซ่อนเร้นในทุกรายละเอียดที่สำคัญเรายังได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสานต่อคุณค่าของผลงานเหล่านี้ โดยโคมไฟบางส่วนจากกิจกรรมนี้ จะถูกนำไปจัดแสดงเพื่อสร้างสีสันและบรรยากาศที่หมู่บ้านญี่ปุ่น จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อส่งต่อความสวยงามและมิตรภาพอันดีงามนี้ต่อไป”


JBP พันธมิตรที่สนับสนุนสีสันนำโดย ศราวุฒิ รัชนกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.บี.พี. อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็นท์ จำกัด กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมสนับสนุนเทศกาลนี้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพราะ JBP เชื่อว่า ‘สี’ เป็นมากกว่าแค่นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการปลดปล่อยจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ กิจกรรม ‘เพ้นท์โคมสายอาร์ต’ ถือเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ได้มาแต่งแต้มสีสันและสร้างสรรค์ผลงานในแบบของตัวเองอย่างอิสระ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของแลนด์มาร์กศิลปะ Lantern Wall “กำแพงโคมไฟ” จากผลงานที่มีชิ้นเดียวในโลก ผ่านผลิตภัณฑ์สีที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของเราในการส่งเสริมพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ในสังคม”

สมทบด้วยการ Collaboration pop culture ไทย-ญี่ปุ่น กับ 2 คอมมูนิตี้ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงและต่อเนื่องในประเทศไทย ทั้งกระแสนิยมการกินราเมง และกระเเสความนิยมในอนิเมะและคอสเพลย์ ที่ช่วยเติมเต็มไวป์ความเป็นญี่ปุ่นให้ครบถ้วนทั้งประเพณีและวัฒนธรรม กล่าวว่

กรัณย์ นิติธรรม Co-Founder, Maruya กล่าวว่า “สามย่านมิตรทาวน์คือสถานที่ที่ตอบโจทย์คอมมูนิตี้ของเราในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มทาร์เก็ตที่ชัดเจน การเดินทางที่สะดวกสบายจากการเชื่อมต่อโดยตรงกับรถไฟฟ้า MRT ทำให้ชาวคอสเพลย์และผู้ร่วมงานสามารถเดินทางพร้อมพร็อพและชุดจัดเต็มได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังมีพื้นที่จัดงานกว้างขวางสามารถรองรับชาว J-POP Culture ของเราซึ่งมีจำนวนมากขึ้นทุกปีได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ผู้ร่วมจัดงาน Eat Ramen Fest By ครัวคุณต๋อย ครั้งแรกในไทย เจษฎาพงษ์ เจรียงประเสริฐ ประธานกรรมการบริษัท อินวิเทชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “เหตุผลที่เราเลือกสามย่านมิตรทาวน์ในการจัดเทศกาลราเมงสุดยิ่งใหญ่ ‘Eat Ramen Fest’ เป็นครั้งแรกในไทย เพราะที่นี่คือศูนย์กลางไลฟ์สไตล์และเป็นคลังอาหารที่สำคัญของคนกรุงเทพฯ ไฮไลต์ของเราคือการรวบรวม 16 สุดยอดร้านราเมงจากทั้งไทยและญี่ปุ่นมาไว้ในที่เดียว พร้อมด้วย 4 เซเลบริตี้เชฟชื่อดังแห่งวงการราเมง ที่จะมามอบประสบการณ์ความอร่อยระดับตำนาน การจัดงานที่นี่ไม่เพียงแต่จะสร้างความสุขให้คนรักราเมง แต่ยังตอกย้ำภาพลักษณ์ของสามย่านมิตรทาวน์ในฐานะเดสทิเนชั่นที่คนรักอาหารต้องมาเยือน”


ไฮไลต์ภายในงานที่ทุกคนร่วมสร้างแลนด์มาร์กศิลปะด้วยกัน

          •   Lantern Wall กำแพงโคมไฟสายอาร์ตกว่า 3,000 ดวง สูงกว่า 5 เมตร ยาวกว่า 100 เมตร แลนด์มาร์กศิลปะสุดอลังการจากผลงานโคมไฟญี่ปุ่นเพ้นท์มือจากทุกคนกว่า 3,000 ดวง นอกจากนี้ยังมี “น้องแมวกวัก” โคมไฟขนาดใหญ่ สัญลักษณ์ของการดึงดูดโชคลาภและผู้คน รวมถึงโอกาสใหม่ๆ สามย่านมิตรทาวน์เป็นพื้นที่ที่เชื่อม นิสิต-คนทำงาน-ผู้ประกอบการ ทำให้สัญลักษณ์แห่งความร่ำรวยนี้ ไม่ใช่แค่การเงิน แต่คือ “ความร่ำรวยทางความคิดและโอกาส” อีกด้วย สามารถมาสัมผัสงานอาร์ตใจกลางเมืองนี้ได้ ตั้งแต่เวลา 15.30 น. จนถึง 24.00 น. ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์
คนเมืองทั้งกลางวันและกลางคืน

          •   Lucky Tunnel อุโมงค์แห่งความโชคดี จุดถ่ายทอดแรงบันดาลใจผ่านศิลปะการพับกระดาษของญี่ปุ่น (Origami) ที่ประดับด้วยนกกระเรียนและโคมไฟ พร้อมถ้อยคำให้กำลังใจที่เชื่อมต่อมิตรภาพให้แก่กัน

พบกับ 2 คอมมูนิตี้ที่ผสมผสานระหว่าง ไทย-ญี่ปุ่น สุดปัง 

          •   ครั้งแรกในไทยกับ Eat Ramen Fest By ครัวคุณต๋อย เทศกาลราเมงสุดยิ่งใหญ่ 18 – 20 ก.ค. ณ ลานกิจกรรม ชั้น G ครั้งแรกในไทยกับเทศกาลราเมงสุดยิ่งใหญ่ พบ 16 สุดยอดร้านดังทั้งในไทยและบินตรงจากญี่ปุ่น ! เพื่อมอบประสบการณ์ที่มากกว่าคำว่า “อร่อย” ให้กับทุกคนที่รักราเมงอย่างแท้จริง พร้อมพบกับ 4 เซเลบริตี้เชฟชื่อดังแห่งวงการราเมง ได้แก่ เชฟ SAKAMOTO จากร้าน MENYA ITTO, เชฟ SHONO จากร้าน MENSHO TOKYO, เชฟ KURIHARA จากร้าน IROHA RAMEN และเชฟ JO จากร้าน SHINDO RAMEN  และสนุกกับกิจกรรมท้ากินเส้นราเมงชิงตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ฟุกุโอกะ!  และ Ramen Stamp Rally กินครบ 5 ร้าน ลุ้นสิทธิ์ไปชิมฟรี! No Name Noodle ร้านดังที่จองยาก

          •   MARUYA #43 คอมมูนิตี้ของคนรักอนิเมะ โอตาคุ คอสเพลย์ และเกมเมอร์ที่ใหญ่ที่สุด 20 ก.ค. นี้ ที่สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 กลับมาในธีม ‘BACK TO SCHOOL’ พบกับ Special Guest Cosplayer ระดับอินเตอร์จากออสเตรเลีย และกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟตลอดวัน อาทิ สัมผัสโลก VTuber แบบเอ็กซ์คลูซีฟ, Meeting & Concert สุดพิเศษบนเวทีหลัก, Cosplay Meeting รวมพลคนรักคอสเพลย์, Artist & Creator Market ชอปของสุดลิมิเต็ดจากนักวาด & ครีเอเตอร์ตัวท็อป, Stage Performance โชว์จัดเต็มบนเวทีจากเหล่าเพอร์ฟอร์เมอร์สุดครีเอทีฟ พร้อมด้วยสินค้าพิเศษเฉพาะงานนี้เท่านั้น

ฟูลฟิลบรรยากาศงานอาร์ต ด้วย ART & CRAFT MARKET พร้อมปลุกพลังสร้างสรรค์กับเวิร์กช็อปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ

ช้อปผลงานแฮนด์เมดสุดประณีต งานคราฟต์ดีไซน์เฉพาะตัว และของตกแต่งสุดเก๋ที่ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะเป็น MMOTHER.DDAUGHTER สินค้าไหมพรมถักมือสุดคิ้วท์, POLL.PROJECT ร้าน Multi-brand รวมของน่ารัก, CHAVEE.VIBES ไอเทมสายหอม ช่วยเพิ่มความผ่อนคลาย, 99.SHADES เครื่องประดับวินเทจญี่ปุ่นสุดยูนีค และร้านเด็ดอีกเพียบอย่าง MOOD.GLAMOR, MAGIC.HANDS.OFFICIAL, YIBDIN STUDIO, TLDR, TINYTREETOWN, THE PRESTO PROJECT ฯลฯ 18 – 31 ก.ค. เวลา 15.30 – 21.30 น. บริเวณลานหน้าศูนย์การค้า

          •   “ช้อปสนุก รับฟรี! KASAGAMI ร่มลาย Limited” เมื่อช้อปร้านค้าภายในศูนย์ฯ ครบ 3,500 บาทขึ้นไป รับฟรี! KASAGAMI ร่มพกพาลาย Limited จากงาน Lantern Art Festival 2025 มูลค่า 590 บาท (จำกัดการแลก 1 สิทธิ์/หมายเลขสมาชิก/วัน รวม 650 สิทธิ์ตลอดแคมเปญ หรือจนกว่าสินค้าจะหมด) 18 – 31 ก.ค. นี้

สามย่านมิตรทาวน์ยังคงเดินหน้าคอนเซ็ปต์ Community Centric อย่างต่อเนื่อง โดยเปิดโอกาสและส่งเสริมให้ทุกคนและชุมชนโดยรอบได้แสดงความคิดสร้างสรรค์ และแรงบันดาลใจกับ Art creative workshop ร่วมเวิร์กชอป “เพ้นท์โคมสายอาร์ต” กับสี JBP และ ORIGAMI Workshop พับกระดาษ
เติมใจ สไตล์ญี่ปุ่น ฮีลใจไปกับศิลปะการพับกระดาษแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น 18 – 27 ก.ค. เวลา 15.30 – 21.30 น. ที่ Workshop Station ภายในบริเวณงาน

อีกทั้ง ยังร่วมมือกับ กรุงเทพมหานคร เขตบางรัก และสถานศึกษา 12 แห่ง รวมถึงชุมชน 3 แห่งในพื้นที่ อาทิ โรงเรียนอัสสัมชัญ, โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย, โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ และโรงเรียนสตรีวัดมหาพฤฒารามฯ เปิดโอกาสให้น้อง ๆ นักเรียนได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ปลดปล่อยจินตนาการ รวมถึงเปิดโอกาสให้ทดลองสิ่งใหม่ ๆ ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ สร้างความภาคภูมิใจในตนเองผ่านฝีมือการเพ้นท์โคมไฟ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของงาน และจะส่งมอบโคมไฟเหล่านี้ให้เขตบางรักและสมาคมไทย-ญี่ปุ่น เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

ชาวมิตรเตรียมตัวให้พร้อม! แล้วมาปลดปล่อยจินตนาการ สร้างผลงานชิ้นเดียวในโลก ในงาน “Samyan Mitrtown Lantern Art Festival 2025” 18-31 กรกฎาคมนี้ ที่ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook SAMYANMITRTOWN

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %
Facebook Comments Box
สัมผัสความหรูหราเหนือระดับจากเมนูใหม่ Café Claire สไตล์ฝรั่งเศส ที่ Oriental Residence Bangkok ถนนวิทยุ

สัมผัสความหรูหราเหนือระดับจากเมนูใหม่ Café Claire สไตล์ฝรั่งเศส ที่ Oriental Residence Bangkok ถนนวิทยุ

0 0
Read Time:3 Minute, 55 Second

Café Claire” มอบประสบการณ์ความอร่อยในแบบปารีเซียงที่เหนือระดับ ชวนดื่มด่ำกับจิตวิญญาณแห่งปารีสใจกลางกรุงเทพฯ กับเมนูใหม่สุดละเมียดละไมใน

Café Claire Reimagined “A PARISIAN SOUL IN BANGKOK”

 

Café Claire บิสโทรฝรั่งเศสร่วมสมัย ที่นำจิตวิญญาณแบบปารีเซียงมาสู่ใจกลางกรุงเทพฯ มอบประสบการณ์บทใหม่แห่งรสชาติอันละเมียดละไม พิถีพิถัน และเหนือกาลเวลา ผ่านเมนูพิเศษที่ได้แรงบันดาลใจจากหัวใจของการปรุงอาหารสไตล์บิสโทรฝรั่งเศสดั้งเดิม ถ่ายทอดเป็นรสชาติอันลึกซึ้ง สะท้อนเสน่ห์ของมื้ออาหารแบบปารีเซียงอย่างมีระดับ พร้อมให้ทุกท่านได้ลิ้มลองแล้ววันนี้ ท่ามกลางบรรยากาศแสนประทับใจ ราวกับนั่งอยู่ในคาเฟ่กลางกรุงปารีส ณ Café Claire ที่ Oriental Residence Bangkok ถนนวิทยุ

หลากหลายเมนูใหม่ของ Café Claire ได้รับการรังสรรค์โดย มร. เรมี เวอริเย่ (Remi Verrier) Executive Chef แห่ง Oriental Residence Bangkok ผู้คร่ำหวอดในวงการอาหารระดับนานาชาติ โดยเฉพาะจากประสบการณ์ในร้านอาหารระดับ 3 ดาวมิชลิน โดยเอกลักษณ์อันโดดเด่นของเชฟเรมี คือการสร้างสรรค์เมนูที่ผสานภูมิหลังทางวัฒนธรรม ประสบการณ์จากการเดินทาง และความหลงใหลในศิลปะอาหารชั้นสูงเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เชฟนำเสนอความคิดสร้างสรรค์และความพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ถ่ายทอดผ่านเทคนิคฝรั่งเศสแบบคลาสสิกและวัตถุดิบตามฤดูกาลที่สดใหม่ของไทย เข้ากับสไตล์การทำอาหารของเขาอย่างลงตัว จนเกิดเป็นเมนูที่โดดเด่นและน่าประทับใจ พร้อมให้คุณได้ลิ้มลองแล้ววันนี้ที่ Café Claire

สำหรับเมนูใหม่ที่เชฟ Remi Verrier ภูมิใจนำเสนอที่ Café Claire ได้รับแรงบันดาลใจจากหัวใจของการปรุงอาหารสไตล์บิสโทรฝรั่งเศสดั้งเดิม ที่เน้นความเรียบง่าย วัตถุดิบสดใหม่ตามฤดูกาล และรสชาติที่ลึกซึ้งน่าจดจำ ทุกจานที่ Café Claire ถูกออกแบบมาให้เข้าถึงง่าย แต่เปี่ยมด้วยความอิ่มเอมใจ ถ่ายทอดความอบอุ่นในทุกคำ สะท้อนจิตวิญญาณแบบปารีเซียงอย่างแท้จริง นับเป็นอาหารที่ปรุงด้วยใจ เสิร์ฟด้วยไมตรี และมอบประสบการณ์ที่คุ้มค่าในทุกครั้งที่ได้กลับมาเยือน

โดยเมนูไฮไลต์ที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้านคือ “Grenouilles Croustillantes à l’Ail et au Persil” กบทอดเสิร์ฟกับเพียวเร่กระเทียม ซอสพาสลีย์ และกระเทียมกรอบ, “Bone Marrow Café Claire Style” เนื้อวัวตุ๋นสไตล์เบอร์กันดี เสิร์ฟพร้อมผักมิเรอปัว ไขกระดูก และขนมปังกระเทียม, “Œuf Meurette” ไข่ลวกในไวน์แดง เสิร์ฟพร้อมมันบด เห็ดผัด และเบคอนกรอบ, “Salade Lyonnaise” สลัดฟริเซ่กับเบคอนกรอบ น้ำสลัดหอมแดง และไข่ตุ๋น นอกจากนี้ยังมีเมนูจานหลักที่พลาดไม่ได้อย่าง “Bavette de Bœuf Grillée” สเต็กเนื้อแฟรงค์ชาร์โรเลส์ย่าง เสิร์ฟพร้อมเนย Maître D’hôtel และเฟรนช์ฟรายส์, “Tomate Farcie” มะเขือเทศอบสอดไส้หมูบดปรุงด้วยสูตรโฮมเมด เสิร์ฟพร้อมซอสมะเขือเทศ, “Fameuse Soupe VGE à la Truffe, Foie Gras et Légumes” ซุปเห็ดทรัฟเฟิลในน้ำซุปเนื้อ เสิร์ฟพร้อมฟัวกราส์และผัก หุ้มด้วยแป้งพัฟอบกรอบ, “Croque Madame” แซนด์วิชขนมปัง Country Bread กับซอสเบชาเมล แฮมปารีส ชีสบรี ท็อปด้วยไข่ดาว, “Gnocchi à la Romaine et Légumes Verts” (Végétarien) น็อกกี้เซโมลินากับเพียวเร่ถั่วลันเตา ถั่วหวาน หน่อไม้ฝรั่ง มะเขือเทศอบแห้ง และพาเมซานชิพส์, “Risotto de Betterave, Pistaches Grillées et Légumes du Moment” (Vegan) ริซอตโต้บีทรูท เสิร์ฟพร้อมผักดองเคลือบน้ำตาลและถั่วพิสตาชิโออบ, “Plateau de Fromages” รวมชีสท้องถิ่นคัดสรรโดยช่างทำชีสฝีมือเยี่ยม และ “Planche de Charcuterie” ชาร์กูเตอรีบอร์ดที่คัดสรรค์วัตถุดิบชั้นเลิศจากท้องถิ่นมาเสิร์ฟเป็นพิเศษ

นอกจากนี้ยังมีขนมหวาน ทั้ง “Vacherin with Strawberries” เมอแรงก์กรอบวางซ้อนกับไอศกรีมวานิลลาและสตรอว์เบอร์รี่สด ให้รสชาติหวานเบา สดชื่น, “Baked Alaska” เมอแรงก์สอดไส้ไอศกรีมสามรสบนเค้กช็อกโกแลต ราดด้วยเหล้าควองโตร, “Tarte à la Vanille” ทาร์ตวานิลลาที่ทำจากฝักวานิลลาท้องถิ่น เสิร์ฟพร้อมคาราเมลกรุบกรอบ และ “Profiteroles” พัฟชูว์สอดไส้ไอศกรีมวานิลลา ราดซอสช็อกโกแลตร้อน โรยอัลมอนด์กรอบ

การเปิดตัวเมนูใหม่ครั้งนี้นับเป็นการปรับภาพลักษณ์ใหม่ของ Café Claire ในรอบกว่า 10 ปี เพื่อมอบประสบการณ์สไตล์บิสโทรฝรั่งเศสร่วมสมัยให้ทุกคนได้สัมผัส และเข้าถึงจิตวิญญาณแบบปารีเซียงได้อย่างแท้จริงในใจกลางกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นมื้อเช้าในบรรยากาศอบอุ่น มื้อกลางวันที่เต็มไปด้วยความเพลิดเพลิน หรือมื้อค่ำที่ที่แสนสบายเป็นกันเอง ก็สามารถสัมผัสความผ่อนคลายของมื้ออาหารที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยคุณภาพที่นี่

Café Claire พร้อมมอบประสบการณ์อาหารฝรั่งเศสแบบดั้งเดิมที่ร่วมสมัยและเข้าถึงได้ง่าย ท่ามกลางฉากหลังที่เขียวขจีใน Oriental Residence Bangkok ถนนวิทยุ สามารถจองโต๊ะได้ที่ โทร. 02-125-9080 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง https://www.oriental-residence.com/bangkok/dine/cafe-claire และ Facebook: Café Claire ~ Oriental Residence Bangkok

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %
Facebook Comments Box